อัตราต่อรอง : หมายถึงโอกาสที่ทีมทีมหนึ่งจะชนะหรือแพ้ในเกมการแข่งขัน โดยอัตราต่อรองจะแสดงความน่าจะเป็นในการชนะของทีมที่เกี่ยวข้อง และสำหรับเว็บพนันออนไลน์จะเป็นผู้กำหนดอัตรานี้ขึ้นมา เพื่อให้สอดคล้องกับข้อมูลเชิงสถิติ ดังนั้นสำหรับผู้เล่น ถ้าอัตราต่อรองสูง จะยิ่งดี

ตัวอย่าง

• อัตราต่อรองแบบทศนิยม (Decimal Odds): ตัวเลขจะบอกถึงจำนวนเงินที่คุณจะได้รับเมื่อชนะเดิมพัน เช่น หากอัตราต่อรองคือ 2.50 หมายความว่าถ้าคุณวางเดิมพัน 100 บาท คุณจะได้รับ 250 บาท (รวมทุน) ถ้าชนะ เป็นต้น

ค่าน้ำบอล: หมายถึง “ค่าคอมมิชชั่น” หรือส่วนต่างที่เว็บพนันออนไลน์นั้นๆ จะหักจากผู้เล่น ซึ่งเป็นวิธีหนึ่งที่เว็บพนันหรือเจ้ามือจะได้กำไรจากการเดิมพัน สำหรับตัวค่าน้ำจะเป็นตัวบอกว่าผู้เล่นจะได้กำไรเท่าไหร่เมื่อชนะ หรือหากแพ้ต้องเสียเท่าไหร่ โดยทั่วไปค่าน้ำจะแสดงเป็นตัวเลขเพิ่มเติมจากอัตราต่อรอง และสำหรับค่าน้ำนั้น ยิ่งต่ำก็ยิ่งดี เพราะมีความเสี่ยงต่ำในการเสียเงิน

ประเภทของค่าน้ำ:

• ค่าน้ำแบบมาเลย์ (MY Odds): แยกออกเป็น 2 แบบ ได้แก่ ค่าน้ำแดงและค่าน้ำดำ
  • “ค่าน้ำแดง” เช่น (-0.90) หากเดิมพัน 100 บาท ถ้าชนะจะได้กำไรเต็มจำนวน –  แต่ถ้าแพ้จะเสียเงินเพียง 90 บาท ส่วน
  • “ค่าน้ำดำ” (เช่น 0.80) หากเดิมพัน 100 บาท เมื่อชนะจะได้กำไรเพียง 80 บาท แต่ถ้าแพ้จะเสียเต็ม 100 บาท
• ค่าน้ำแบบฮ่องกง (HK Odds): แสดงตัวเลขเป็นบวกเสมอ เช่น 0.90 หมายความว่า ถ้าเดิมพัน 100 บาท จะได้กำไร 90 บาท แต่ถ้าแพ้จะเสียเต็ม 100 บาท
• ค่าน้ำแบบยูโร (EU Odds): ค่าน้ำที่เข้าใจง่ายและนิยมใช้ในยุโรป โดยตัวเลขจะบ่งบอกถึง จำนวนเงินทั้งหมดที่ผู้เล่นจะได้รับ (รวมทุน)